ใครว่า หนังสือเล่ม จะหมดไป? ยอดตัวเลขอีบุ๊คต่างหากที่ร่วง!
1249 Views
ศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2564
จากข้อวิตกกังวลว่า วันหนึ่งข้างหน้า หนังสือเป็นเล่มๆ ที่พิมพ์ด้วยกระดาษจะหมดไป ล่าสุด สำนักข่าวนิวยอร์คไทม์สได้เผยแพร่บทความถึงทิศทางของสงครามระหว่างหนังสือกระดาษกับหนังสืออิเล็กทรอกนิกส์ชี้อาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ หลังเริ่มมีลมหวนย้อนกระแสกลับสู่สิ่งพิมพ์กระดาษที่จับต้องได้ดังเดิม
โดยเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน โลกของอุตสาหกรรมหนังสือต่างตระหนักถึงทิศทางการพัฒนาของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ที่คาดว่าจะมาแทนที่หนังสือแบบพิมพ์เป็นเล่ม ๆ โดยเป็นจุดเริ่มให้ผู้คนเริ่มย้ายฐานการอ่านสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เฉพาะช่วงปี 2551 - 2553 ยอดขายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์พุ่งสูงถึง 1260 เปอร์เซนต์ ขณะที่ยอดขายหนังสือกระดาษลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้หนึ่งในร้านขายหนังสือยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯแห่งหนึ่งล้มละลาย
แต่ทว่า หนึ่งในสัญญาณที่เริ่มชี้ให้เห็นว่าผู้อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หันกลับมาอ่านหนังสือกระดาษมากขึ้น หรืออ่านหนังสือทั้งสองรูปแบบสลับไปมา คือยอดขายหนังสืออิเล็กทรอกนิกส์ที่ร่วงลง 10 เปอร์เซนต์ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ พร้อมกับยอดของเมื่อปีที่ผ่านมาที่เผยว่าหนังสืออิเล็กทรอกนิกส์แบ่งตลาดทั้งหมดประมาณ 20 เปอร์เซนต์
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจเผยว่านักอ่านรุ่นเยาว์ผู้เติบโตมาในยุคดิจิตอลยังคงนิยมอ่านหนังสือแบบกระดาษมากกว่า
ความทรหดของหนังสือกระดาษยังช่วยให้ร้านขายหนังสือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครือขนาดใหญ่หรือร้านรายย่อยที่ต่างต่อสู้กับกระแสหนังสือทั้งกระดาษและอิเล็กทรอนิกส์จากเว็บไซต์ขายของชื่อดังอย่างอเมซอนเริ่มมีการฟื้นตัวมากขึ้นโดยปัจจุบันในสหรัฐฯ มีร้านขายหนังสือที่ลงทะเบียนมากขึ้นกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วประมาณ 800 ร้านค้า
สำนักพิมพ์ขนาดใหญ่ทั้งหลายต่างมีการปรับตัวมากขึ้น อาทิ การสั่งซื้อแบบส่งถึงที่ภายใน 2 วัน พัฒนาระบบติดตามสินค้าที่สามารถตรวจสอบยอดขายหลายล้านบันทึกรายการในแต่ละวัน และสามารถแนะนำจำนวนหนังสือที่ร้านขายหนังสือควรสั่งซื้อด้วยเพื่อลดปัญหาหนังสือขายไม่ออก ผลลัพธ์ของการดำเนินมาตรการใหม่เหล่านี้ ทำให้ยอดดังกล่าวลดลงประมาณ 10 เปอร์เซนต์
เครื่องมือสำหรับอ่านหนังสืออิเล็กทรอกนิกส์อย่างคินเดิ้ล หรือนูกเองต้องประสบปัญหาจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่สามารถทำหน้าที่แบบเดียวกันได้ โดยในปีที่ผ่านมา มีผู้ซื้อเครื่องมือดังกล่าวประมาณ 12 ล้านเครื่อง และผลสำรวจฉบับหนึ่งยังชี้ว่าคนใช้เครื่องมืออ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นปกติในไตรมาสแรกของปีนี้ร่วงลงอยู่ที่ 32 เปอร์เซนต์ ต่างจากเมื่อปี 2555 ที่มีผู้อ่านหนังสือลักษณะนี้ถึง 50 เปอร์เซนต์
ปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลให้ผู้อ่านนิยมหนังสือระดาษมากขึ้นคือราคาของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่แพงกว่าฉบับพิมพ์ซึ่งแม้ฝ่ายสำนักพิมพ์พยายามร่วมตัวกันเพื่อตั้งเงื่อนไขใหม่อเมซอนและเรียกร้องให้สำนักพิมพ์สามารถตั้งราคาหนังสือเองได้ขณะเดียวกันสำนักพิมพ์อีกหลายแห่งได้ขึ้นราคาสินค้าของพวกเขาด้วย
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขของผู้ซื้อและอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยังโตขึ้น เนื่องจากมีลูกค้าในกลุ่มสำนักพิมพ์จัดจำหน่ายอีกหลายราย และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของสำนักพิมพ์เหล่านี้มักมีราคาถูก ซึ่งหลายเล่มราคาไม่ถึง 30 บาท นอกจากนี้ยังรวมถึงแคมเปญการขายแบบใหม่ของอเมซอน ผู้ครองตลาดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 65 เปอร์เซนต์ ที่ให้ลูกค้าสามารถอ่านหนังสือออนไลน์ไม่จำกัดจำนวน โดยจ่ายเงินเพียง 360 บาทต่อเดือนด้วย
ทั้งนี้ สำนักพิมพ์หลายสำนักมองว่าโลกนั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่จะสรุปได้ว่า คลื่นนิยมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์กำลังเสื่อมโทรมไป
อ้างอิงเนื้อหา จาก
https://www.sanook.com/campus/1379223/